All Pharma See | AllOnline
ช้อป All Online ผ่าน 7App
โปรเด็ด สินค้าโดนใจ ห้างใกล้บ้าน
โหลดฟรี
Special Coupon (4 - 23 Jan 25)

ท้องผูกเรื้อรัง ปล่อยไว้นานไม่ดีแน่ พร้อมวิธีแก้อย่างปลอดภัย

โดย ภญ.ชุติวรรณ ศรีศักดิ์หิรัญ
เภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส


ท้องผูกเรื้อรัง คืออาการท้องผูกที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะทำให้อุจจาระได้ลำบาก หากปล่อยไว้นาน อาจนำพามาซึ่งโรคทางระบบลำไส้ได้ เอ็กซ์ต้า พลัส จึงรวบรวมวิธีป้องกันและวิธีแก้อาการ ท้องผูกเรื้อรังกันค่ะ


อาการ ท้องผูกเรื้อรัง (Constipation)
หมายถึง อาการที่ผู้ป่วยมีการถ่ายอุจจาระลำบาก อุจจาระมีลักษณะแข็ง หรือเป็นลำเล็กลง จำนวนความถี่ในการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ พบได้ทุกเพศและทุกวัย พบมากในผู้สูงอายุ และพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งอาการท้องผูก หากแบ่งตามระยะเวลาที่มีอาการ อาจแบ่งเป็นท้องผูกเฉียบพลัน ซึ่งมีอาการน้อยกว่า 3 เดือน และท้องผูกเรื้อรัง ซึ่งมีอาการนานกว่า 3 เดือน


สาเหตุของการเกิดอาการ ท้องผูกเรื้อรัง
อาการท้องผูกเรื้อรัง เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่มักพบมากที่สุด คือ เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ที่ปัจจุบันคนมักจะบริโภคผักผลไม้น้อยลง ซึ่งทำให้ได้รับใยอาหาร หรือไฟเบอร์ไม่เพียงพอที่จะเพิ่มมวลอุจจาระในลำไส้ใหญ่และกระตุ้นให้เกิดการขับถ่าย

รวมถึงอีกหนึ่งสาเหตุที่มักพบคู่กันคือ การดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการต่อวัน ทำให้อุจจาระแห้ง แข็ง ไม่อ่อนนุ่ม ยากต่อการขับถ่าย และอาจทำให้เกิดการเจ็บปวดเวลาขับถ่าย เกิดแผลบริเวณหูรูด อาจก่อให้เกิดริดสีดวงทวารได้ นอกจากนี้สาเหตุอื่น ๆ ที่พบว่าก่อให้เกิดอาการท้องผูก เช่น การไม่ออกกำลังกาย หรือการขยับร่างกายน้อย การกลั้นไม่ยอมขับถ่ายเมื่อรู้สึกอยากถ่าย และการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาลดกรดที่มีแคลเซียมและอะลูมิเนียม รวมถึงอาการเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น โรคไทรอยด์ เบาหวาน ภาวะซึมเศร้า ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก รวมถึงภาวะตั้งครรภ์ด้วย


การป้องกันท้องผูกและการดูแลตนเองเบื้องต้น

  1. รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง โดยเฉพาะผักและผลไม้ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถย่อยใยอาหารได้ จึงยังอยู่ในลำไส้และอุ้มน้ำเอาไว้ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น
  2. ดื่มน้ำไม่น้อยกว่าวันละ 2 ลิตร เพื่อให้อุจจาระไม่แข็งจนเกินไป ร่างกายจึงขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
  3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและกล้ามเนื้อหลัง ซึ่งจะช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวดีขึ้น
  4. ขับถ่ายให้เป็นเวลาในแต่ละวัน เพราะหากทำเป็นประจำจะทำให้ปฏิกิริยาของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการขับถ่ายมีประสิทธิภาพลดลงจนเกิดอาการท้องผูกได้
  5. อย่ากลั้นอุจจาระ หรือรีบร้อนในการขับถ่าย เพราะอาจทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวารได้
  6. การใช้ยาระบาย โดยกลุ่มยาระบายที่มีความปลอดภัยสูง หากใช้อย่างถูกวิธี คือ กลุ่มไฟเบอร์ โดยจะช่วยในการเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระนุ่ม กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้อุจจาระเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ใหญ่ได้เร็วขึ้น แต่ต้องใช้เวลาในการออกฤทธิ์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ เหมาะกับอาการท้องผูกไม่รุนแรง ซึ่งยาระบายแต่ละชนิดจะมีกลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกัน และบางชนิดไม่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่อง แนะนำให้ปรึกษาเภสัชกรเพื่อให้ได้รับตัวยาระบายที่เหมาะสม

ทั้งนี้หากมีอาการ ท้องผูกเรื้อรัง ร่วมกับมีลักษณะหรืออาการเตือนเหล่านี้ ได้แก่ มีอาการซีดจากขาดธาตุเหล็ก ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด น้ำหนักลดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 50 ปี มีประวัติครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ท้องผูกจนมีอาการของลำไส้อุดตัน (ปวดท้องมาก อึดอัดแน่นท้อง คลื่นไส้อาเจียน) หรือท้องผูกรบกวนมาก รับประทานยาระบายแล้วไม่ได้ผล แนะนำให้ผู้ป่วยไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมต่อไป


หากมีข้อสงสัย หรืออยากสอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและการใช้ยา สามารถปรึกษากับเภสัชกรได้ที่ร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยา เอ็กซ์ต้า พลัส ผ่าน Application ALL PharmaSee ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มาสุขภาพดีไปด้วยกันนะคะ